ทิปส์เด็ด
ทิปส์รักษ์โลกฉบับดิจิทัล
เพิ่งจะผ่านช่วงฉลองปีใหม่มาหมาดๆ คงไม่ช้าไปที่ทรูออนไลน์จะบอกสวัสดีปีใหม่กับทุกคนที่กำลังอ่านอยู่ ตอนนี้หลายคนคงเริ่มเดินหน้าเปลี่ยนตัวเองรับปีใหม่ตามเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้กันบ้างแล้ว อย่างเช่น ลดน้ำหนัก กินอาหารเพื่อสุขภาพ ออมเงิน เลิกนิสัยที่ไม่ดีบางอย่าง หรือเรียนรู้อะไรใหม่ๆ เป้าหมายดีๆ เหล่านี้ล้วนอยู่ในลิสต์ของคนที่รักในการพัฒนาตัวเอง แต่หากปีนี้จะลองเพิ่มเป้าหมายในการรักษาสิ่งแวดล้อม เพื่อแสดงความรักของเราต่อโลกใบนี้ดูบ้าง ก็เป็นไอเดียที่ยอดเยี่ยมสำหรับคุณและโลก
ในปัจจุบัน สภาพสิ่งแวดล้อมของโลกกำลังแย่ลงทุกที เราจึงควรตระหนักและลงมือช่วยเหลือสิ่งแวดล้อมให้รอดพ้นจากหายนะที่เกิดจากการกระทำของมนุษย์ แม้กระทั่งเรื่องใกล้ตัวอย่างการใช้อินเทอร์เน็ตที่แม้จะมีประโยชน์กับมนุษย์มาก แต่มันก็สร้างผลกระทบต่อโลกได้เช่นกัน เนื่องจากการใช้พลังงานเป็นต้นเหตุของการสร้างคาร์บอน อันเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดมลภาวะ การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ภาวะโลกร้อน และการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ แน่นอนว่าเราไม่สามารถหยุดใช้อินเทอร์เน็ตได้ แต่เราสามารถใช้มันแบบเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่าที่เคยได้ เพียงลองทำตามวิธีการด้านล่างนี้
เปลี่ยนวิธีการใช้เครื่องมือค้นหาบนอินเทอร์เน็ตสักนิด
เครื่องมือค้นหาบนอินเทอร์เน็ตมีมากมายหลายเจ้า แต่ที่เราใช้กันแพร่หลายที่สุดก็คือ Google บนบล็อกของเครื่องมือค้นหาเจ้านี้ระบุไว้ว่า การค้นหาข้อมูลโดยใช้ Google หนึ่งครั้งเท่ากับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 0.2 กรัม ซึ่งเว็บไซต์ Greenspector กล่าวว่า มีอัตราการสืบค้นข้อมูลผ่าน Google ประมาณ 80,000 ครั้งในหนึ่งวินาที หรือ 6.9 พันล้านครั้งต่อวัน รวมๆ แล้วการใช้ Google ค้นหาข้อมูลนั้นทำให้เกิดคาร์บอนเป็นปริมาณมหาศาลเลยทีเดียว
วิธีที่จะช่วยลดการใช้เครื่องมือค้นหาบนอินเทอร์เน็ตก็คือ พยายามค้นหาเมื่อจำเป็นจริงๆ หรือใช้วิธีการเข้าสู่เว็บไซต์นั้นโดยตรง เช่น ไปที่ Amazon.com แทนที่จะพิมพ์คำว่า amazon บน Google นอกจากนี้ การเปลี่ยนไปใช้เครื่องมือค้นหาจากเจ้าที่เป็นมิตร หรือคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือก โดยเครื่องมือค้นหาที่ว่านี้จะนำกำไรส่วนหนึ่งของรายได้จากโฆษณาไปใช้ในการสนับสนุนการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม พูดถึงแล้วก็ลองใช้กันดูเลย
หากคุณอยากคืนต้นไม้ให้ป่า ลองใช้ Ecosia เพราะทุกครั้งที่ค้นหาข้อมูลผ่านเครื่องมือค้นหาเจ้านี้ คุณจะได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในโครงการปลูกต้นไม้ที่มีกระจายอยู่ในหลายพื้นที่ทั่วโลก ถ้าโลกเรามีต้นไม้มากๆ ก็จะสามารถต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ พร้อมฟื้นคืนความหลากหลายทางชีวภาพได้ หรือถ้าคุณตื่นตัวกับการอนุรักษ์ท้องทะเลและมหาสมุทร เลือกใช้ OceanHero หรือ Ekoru เป็นเครื่องมือค้นหาของคุณ เพราะสองเจ้านี้จะนำกำไรที่ได้ไปอุดหนุนการเก็บขยะพลาสติกออกจากทะเลและมหาสมุทร ซึ่งช่วยปกป้องระบบนิเวศและสิ่งมีชีวิตในทะเลหรือมหาสมุทรให้ยั่งยืนได้ แต่หากคุณยังติดที่จะค้นหาผ่าน Google ขอแนะนำให้ลองเปลี่ยนไปใช้ Blackle เครื่องมือค้นหานี้ทำงานได้เหมือน Google ทุกอย่าง เพียงแต่หน้าโฮมเพจกับหน้าผลการค้นหาจะเป็นสีดำ ซึ่งช่วยประหยัดพลังงานได้มากกว่าสีขาว
ปัดกวาดกล่องอีเมลกับพื้นที่คลาวด์ของคุณสักหน่อย
คุณอาจเห็นอีเมลเป็นพะเนินอยู่ในกล่องอีเมลของคุณ ซึ่งส่วนใหญ่แล้วคุณไม่ได้สนใจจะเปิดอ่านเสียด้วยซ้ำ แต่อีเมลพวกนี้ก็ยังคงถูกเก็บไว้บนเซิร์ฟเวอร์ไม่ได้หายไปไหน ซึ่งต้องใช้พลังงานเพื่อที่จะคงมันไว้ให้อยู่อย่างนั้น สิ่งที่ควรทำก็คือ บริหารจัดการกล่องอีเมลของคุณให้บ่อยเท่าที่จะทำได้ ลบอีเมลที่ไม่ต้องการ เคลียร์อีเมลสแปมหรืออีเมลขยะ รวมไปถึงยกเลิกการรับจดหมายข่าวที่คุณเคยลงทะเบียนรับไว้แต่ไม่ได้อ่านมันอีกแล้ว ง่ายๆ เท่านี้ก็ช่วยให้ไม่ต้องสิ้นเปลืองพลังงานจากการใช้พื้นที่เก็บอีเมลบนเซิร์ฟเวอร์เกินความจำเป็น และยังเป็นการจัดระเบียบอีเมลไปในตัวอีกด้วย
คุณยังสามารถนำวิธีการเดียวกันนี้ไปประยุกต์ใช้กับการบริหารจัดการพื้นที่คลาวด์ของคุณได้ด้วย บรรดาไฟล์ดิจิทัลต่างๆ ที่คุณนำขึ้นไปเก็บบนคลาวด์ ไม่ว่าจะเป็น รูปภาพ เอกสาร เพลง หรือวิดีโอ จะถูกเก็บรักษาไว้บนเซิร์ฟเวอร์ และทุกครั้งที่คุณเข้าไปเปิดใช้งาน หรือดาวน์โหลดไฟล์เหล่านี้ มันก็จำเป็นต้องใช้พลังงานทั้งสิ้น ดังนั้น คุณจึงควรฝึกตัวเองไม่ให้เป็นมนุษย์นักสะสมไฟล์ดิจิทัล แต่ควรหัดตัดใจให้ลง เลือกเก็บเฉพาะไฟล์ที่สำคัญจริงๆ และกำจัดไฟล์ที่ไม่ต้องการออกจากพื้นที่เก็บบนคลาวด์ไปเสียให้หมด
ชมวิดีโอสตรีมมิ่งอย่างรับผิดชอบมากขึ้น
การชมความบันเทิงในรูปแบบวิดีโอสตรีมมิ่งเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมออนไลน์ที่เป็นต้นเหตุของการใช้พลังงานอย่างสิ้นเปลือง นั่นเป็นเพราะข้อมูลของวิดีโอจะต้องถูกส่งจากเซิร์ฟเวอร์ทันทีทันใดตามเวลาจริงที่วิดีโอนั้นกำลังเล่นอยู่ ยิ่งวิดีโอมีคุณภาพดีมากเท่าไร ก็ยิ่งใช้พลังงานขณะเล่นมากขึ้นเท่านั้น ตามที่เว็บไซต์ Forbes ได้ประมาณไว้ว่า การสตรีมวิดีโอที่ความคมชัดระดับ HD เป็นเวลาหนึ่งชั่วโมง จะสร้างก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ประมาณ 160 กิโลกรัมต่อปี ในยุคนี้คนนับพันล้านทั่วโลกต่างก็ดูวิดีโอสตรีมมิ่งเป็นกิจวัตร นั่นหมายถึงก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จำนวนมากที่กำลังสะสมเพิ่มขึ้นทุกวัน
เราสามารถลดการปล่อยคาร์บอนได้โดยหลีกเลี่ยงการรับชมวิดีโอสตรีมมิ่งที่มากเกินพอดี เช่น อย่าเริ่มเปิดดูวิดีโอถ้าคุณรู้สึกง่วง เพราะคุณอาจผลอยหลับคาจอก็ได้ วิธีถัดมาคือพยายามลดการสตรีมเนื้อหาวิดีโอในระดับความคมชัดที่สูงเกินไป เลือกสตรีมวิดีโอด้วยคุณภาพความคมชัดระดับมาตรฐานก็เพียงพอแล้วต่อการดูบนอุปกรณ์รับชมทั่วไป นอกจากนี้ ผู้ให้บริการสตรีมมิ่งบางเจ้าก็มีฟีเจอร์ที่ให้คุณดาวน์โหลดวิดีโอเก็บไว้บนอุปกรณ์เพื่อรับชมแบบออฟไลน์ (การรับชมโดยไม่ใช้อินเทอร์เน็ต) ซึ่งวิธีนี้จะเปลืองพลังงานน้อยกว่าการรับชมผ่านการสตรีมมิ่งแบบปกติ
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมออนไลน์ตามที่ได้กล่าวมานี้อาจไม่ได้ดูยิ่งใหญ่ หรือเปลี่ยนโลกได้ในพริบตา แต่สิ่งเล็กน้อยเหล่านี้ก็ช่วยลดการสร้างผลกระทบด้านลบต่อสิ่งแวดล้อมขณะใช้อินเทอร์เน็ตลงได้บ้าง และหนทางสู่สิ่งแวดล้อมที่ดีอย่างยั่งยืนจะไม่มีทางเกิดขึ้นได้ หากเราไม่เริ่มต้นลงมือทำแม้แต่สิ่งที่เล็กน้อยที่สุดและใกล้ตัวที่สุดอย่างการช่วยเหลือโลกด้วยวิธีออนไลน์ มาเริ่มรักษ์โลกแบบคนยุคดิจิทัลตั้งแต่ตอนนี้ เพื่อให้โลกยังคงเป็นโลกที่น่าอยู่สำหรับมนุษย์และสิ่งมีชีวิตทั้งมวล